ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing Center: SMC)

 

 

 

 

โครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศด้านระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะของเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi)

 

 

 

ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน หรือ Sustainable Manufacturing Center: SMC เป็นโครงการนำร่องของเมืองนวัตกรรมระบบอัตโนมัติหุ่นยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (ARIPOLIS) ซึ่งเป็น 1 ใน 4 เมืองนวัตกรรมของ EECi ศูนย์นวัตกรรม SMC จะช่วยแก้ปัญหาภาคอุตสาหกรรมการผลิตของไทยที่ขาดแคลนแรงงานทักษะที่จำเป็น เครื่องจักรที่ใช้งานอยู่ไม่ทันสมัย ทำให้ประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตลดลง ตลอดจนลดการใช้พลังงานอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยแพลตฟอร์ม IDA (Industrial IoT and Data Analytics Platform) หรือ แพลตฟอร์ม IoT และระบบวิเคราะห์ข้อมูลอุตสาหกรรม

 

 

 

ดร.ดวิษ กิระชัยวนิช นักวิจัยห้องปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์กำลังและผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหน่วยวิจัยระบบอัตโนมัติและอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เผยว่า ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน หรือ SMC เป็นหน่วยงานหนึ่งที่มีหน้าที่สนับสนุนภาคอุตสาหกรรมการผลิตในพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) (ระยอง ชลบุรีและฉะเชิงเทรา) ศูนย์ SMC มีหน้าที่หลักคือประเมินความพร้อมด้านอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยการใช้ดัชนีชี้วัดความพร้อมอุตสาหกรรมสมัยใหม่หรือ Smart Industry Readiness Index: SIRI จะช่วยประเมินความพร้อมของโรงงานใน 3 ด้านหลัก คือ Process, Technology, และ Organization ซึ่งข้อมูลที่ได้จากการประเมินจะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการปฏิรูปอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบ รวมทั้งช่วยสถานประกอบการโรงงาน บริษัท ให้สามารถกำหนดแนวทางและปรับตัวสู่ทิศทางอุตสาหกรรม 4.0 ได้อย่างยั่งยืน โดยภายในศูนย์ได้จัดตั้งเป็น Sandbox จะมีเทคโนโลยีสมัยใหม่แสดงอยู่ภายในศูนย์ เพื่อให้ผู้สนใจได้เข้ามาเยี่ยมชมเทคโนโลยีและพบปะกับเจ้าของเทคโนโลยีชั้นนำที่นำมาแสดงอยู่ภายในศูนย์ และยังเป็นจุดศูนย์รวมระหว่างนักวิจัย ผู้ผลิต และผู้ใช้ ในการพัฒนาสู่อุตสาหกรรม 4.0 นอกจากนี้ศูนย์แห่งนี้ยังมีหน้าที่ในการประเมินความพร้อมด้านอุตสาหกรรม 4.0 ของผู้ประกอบการว่าสถานประกอบการของท่านอยู่ในระดับใด เพื่อนำใบประเมินนั้นเพื่อยื่นขอสิทธิประโยชน์การลงทุนจากบีโอไอได้ด้วย

 

 

 

ในส่วนของงานของศูนย์ SMC อีกด้านหนึ่งจะมุ่งเน้นเรื่องของยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EVs Car ซึ่งจะให้ความสำคัญกับ EV Conversion หรืออุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง เป็นการนำรถเก่าที่ใช้น้ำมันมาเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนใหม่ เพื่อเปลี่ยนจากการเติมน้ำมันมาเป็นระบบไฟฟ้า 100% โดยศูนย์จะมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านการออกแบบมอเตอร์ไฟฟ้า ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านกล่องควบคุม หรือ ECU รวมถึงทีมงานด้านการออกแบบและติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้า เป็นต้น ฉะนั้นถ้าเป็นงาน EV Conversion ศูนย์ SMC จะมีบุคลากรที่พร้อมให้คำปรึกษาแก่ท่านผู้ประกอบการที่มีความต้องการในเรื่องดังกล่าว

 

 

 

“หลายสถานประกอบการเริ่มให้ความสนใจในการปรับปรุงรถเก่าให้เป็นรถ EVs Car เพราะไม่อยากลงทุนใหม่แต่อยากใช้รถเก่าเพื่อนำมา Conversion ใหม่ โดยศูนย์ SMC มีบริการงานด้านออกแบบและให้คำแนะนำปรึกษา รวมไปถึงมีพาร์ทเนอร์ในการจัดหาเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้กับการดัดแปลงรถยนต์ นอกจากนี้ยังมีในเรื่องของการลิงค์ให้เข้ากับ Industry 4.0 ที่เป็น EVs Car ซึ่งอาจจะเป็นในเรื่องของการจัดเก็บข้อมูลหรือ Data Server ที่ต้องการเก็บข้อมูลโรงงาน หรือข้อมูลรถไฟฟ้า เป็นต้น และสุดท้ายงานบริการของศูนย์ SMC ยังมีห้องทดสอบมอเตอร์ไฟฟ้า ห้องทดสอบกล่อง VCU รวมถึงห้องทดสอบอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า”

 

 

 

 

รถยนต์ดัดแปลงกับการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยีที่สูงกว่า

 

 

 

 

ดร.ดวิษ ให้ข้อมูลว่า ด้วยกระแสโลกของรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EVs Car กำลังเติบโตอย่างมาก ในประเทศไทยที่ผ่านมาถือว่าเป็นฐานผลิตรถยนต์อันดับต้นๆ ของเอเชียและส่งออกไปทั่วโลก แต่หลังจากนั้นยอดการส่งออกได้ตกลงเรื่อยๆ มา จึงเกิดคำถามขึ้นว่า? ทำไมยอดส่งออกถึงได้ตก ซึ่งเป็นเพราะฐานการผลิตของไทยไม่สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ เนื่องจากเรามุ่งเน้นการผลิตรถยนต์ที่เป็นไฮบริดมากเกินไป แต่กระแสโลกได้เปลี่ยนมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า จึงทำให้ประเทศไทยขาดเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านรถยนต์ไฟฟ้า ฉะนั้นหากเราไม่ทำอะไร…สิ่งที่เกิดจะขึ้นคือประเทศไทยจะไม่ใช่ฐานผลิตชั้นนำอีกต่อไป อีกประเด็นที่สำคัญคือประเทศไทยจะเป็นแค่ประเทศผู้บริโภคเพียงอย่างเดียว

 

 

 

 

ดังนั้นภาครัฐจึงหาวิธีว่าจะทำอย่างไรเพื่อที่จะเข้าไปผลิตอะไรได้บ้างในส่วนประกอบของรถยนต์ไฟฟ้า ฉะนั้น EV Conversion จึงเป็น Sandbox ให้ผู้ประกอบการหรือผู้ผลิตไทย ในการพัฒนาการผลิตรถยนต์สู่รถยนต์ไฟฟ้า เพราะมองว่า EV Conversion สามารถผลิตและเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยีได้ง่ายไม่ยุ่งยากซับซ้อน และข้อดีที่สำคัญคือเราสามารถกำจัด หรือ Reuse รถยนต์เก่าให้มาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าได้ หรือหากมีการพัฒนาดีๆ เราอาจสามารถขายโซลูชั่นส์ให้แก่ประเทศที่กำลังพัฒนาหรือมีความต้องการเปลี่ยนรถยนต์เก่าที่มีปริมาณมากให้มาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าได้ EV Conversion มีอุปกรณ์ที่ไม่มีอะไรจำเป็นต้อง Advance มากนัก เพราะส่วนใหญ่จะเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ประเทศไทยสามารถผลิตได้เอง เช่น มอเตอร์ หรือตัวอินเวอร์เตอร์ เป็นต้น ฉะนั้นเมื่อไลน์ผลิตรถยนต์เดิมที่มีอยู่แล้วซึ่งอาจจะเป็น 2.0 หรือ 3.0 โรงงานก็สามารถนำอุปกรณ์ออโตเมชั่นมาปรับเปลี่ยนในไลน์การผลิตให้เป็น 4.0 ได้ จึงทำให้ง่ายในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Conversion ได้ เพราะแพลตฟอร์มของอุตสาหกรรม 4.0 ไม่ได้ระบุว่าจะต้องผลิตอะไรซึ่งสามารถผลิตอะไรก็ได้ตามความต้องการของเรา

 

 

 

 

“ได้มีการคาดการณ์ว่าตลาดของ EV Conversion จะเติบโต 400,000 คันต่อปี ในการดัดแปลงรถเก่าให้เป็นรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นตลาดที่น่าสนใจมากของผู้ประกอบการที่กำลังหันตัวเองไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะผู้ประกอบการ OEM ในระดับเทียร์ 2 ที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เริ่มให้ความสนใจในการปรับเปลี่ยนสายการผลิตของตัวเองไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า และอีกกลุ่มคือผู้สนใจกลุ่มใหม่ที่ต้องการหันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้า” ดร.ดวิษ กล่าว

 

 

 

 

 

ดังนั้นหากผู้ประกอบการไม่มีการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลก ผู้ผลิตหรือนักลงทุนค่ายรถยนต์ใหญ่ๆ จึงอาจย้ายฐานการผลิตไปในประเทศที่มีทรัพยากรที่พร้อมมากกว่า ฉะนั้นหากประเทศใดมีทรัพยากรที่พร้อมในทุกด้านประเทศนั้นจะมีความได้เปรียบในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแต่อย่างไรก็ตาม EV Conversion หรือการดัดแปลงรถยนต์เป็นไฟฟ้า เป็นอีกตลาดหนึ่งที่นอกเหนือจากตลอดรถยนต์ไฟฟ้า เพราะ EV Conversion  เป็นกลุ่มผู้ที่สนใจในการดัดแปลงรถยนต์เก่าให้มาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า โดยที่ไม่ทิ้งรถยนต์เดิมที่มีอยู่ในปริมาณมากเพื่อช่วย Reuse รถยนต์เก่า

#FOLLOW US ON INSTAGRAM