เปิดตัวผู้อำนวยการ TGI คนใหม่ …สานต่อนโยบายเดิม พร้อมยกระดับโรงงานสู่ยุคดิจิทัล เต็มรูปแบบรับ EEC

 

 

 

 

เปิดตัวผู้อำนวยการ TGI คนใหม่ …สานต่อนโยบายเดิม พร้อมยกระดับโรงงานสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบรับ EEC

 

 

สถาบันไทย-เยอรมัน เป็นสถาบันเครือข่ายหนึ่งภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมมีพันธกิจหลักเพื่อเป็นกลไกของกระทรวงอุตสาหกรรม ในการพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตไทยให้มีความสามารถในการแข่งขันได้ในตลาดโลก ด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ แม่พิมพ์ และเครื่องมือกล โดยส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี และบุคลากรให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเป้าหมาย รวมถึงการเป็นศูนย์พัฒนาและยกระดับผู้ประกอบการเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0

 

 

ในโอกาสนี้ นิตยสาร แมนูแฟคเจอริ่ง รีวิว ได้รับเกียรติจาก คุณสมชาย จักร์กรีนทร์ ผู้อำนวยการสถาบันไทย-เยอรมัน (TGI) คนใหม่ ที่เข้ามารับตำแหน่งในปัจจุบัน ได้มาเผยวิสัยทัศน์และแนวนโยบายของสถาบันฯ รวมถึงแนวทางการสนับสนุนช่วยขับเคลื่อนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี ท่านผู้อำนวยการสมชาย กล่าวว่า หน้าที่หลักของสถาบันฯ คือเป็นหน่วยงานที่สนับสนุนการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตให้แก่ภาคอุตสาหกรรม โดยเรามีแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้วยตัวเทคโนโลยีขั้นสูงโดยเฉพาะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม 4.0 เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตไทยเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 โดยผ่านกระบวนการดำเนินงานของทางสถาบันฯ เช่น การให้บริการด้านการพัฒนาบุคลากร การบริการให้คำปรึกษาแนะนำ รวมถึงงานบริการด้านอุตสาหกรรม โดยที่ผ่านมา TGI มีการให้บริการแก่ภาคอุตสาหกรรมหลักๆ อยู่ 4 ด้านด้วยกัน คือ ด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ แม่พิมพ์ เครื่องมือกล และการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ ซึ่งบริการเหล่านี้ TGI ให้บริการกับอุตสาหกรรมมาแล้วมากกว่า 20 ปี

 

 

 

 

“สำหรับนโยบายในระยะต่อไป TGI จะขับเคลื่อนให้ภาคอุตสาหกรรมไทยมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้นด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดยกิจกรรมต่างๆ เดิมที่มีอยู่แล้วจากนโยบายของผู้อำนวยการท่านเดิมคือ ผู้อำนวยการ สมหวัง บุญรักษ์เจริญ จะยังคงสานงานต่อไป และต่อยอดในกิจกรรมใหม่ๆ โดยช่วงนี้ TGI กำลังพัฒนาเครือข่ายการให้บริการในภาคอุตสาหกรรม หรือที่เรียกว่า Collaborative Solution Platform (CSP) เป็นการรวมกลุ่มของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเป็นเครือข่ายที่ช่วยการพัฒนาอุตสาหกรรมร่วมกัน ซึ่งอาศัยหลักการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เรียนรู้ สนับสนุนซึ่งกันและกัน ระหว่างผู้ผลิต ผู้ใช้ ผู้เชี่ยวชาญ และนักวิจัย เพื่อเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่อุตสาหกรรมยุค 4.0 เนื่องจากมองว่าในแต่ละองค์กรที่เป็นเครือข่ายจะมีความเข้มแข็งกันคนละด้าน ดังนั้นถ้าหากมีการบูรณาการเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมร่วมกัน เป็นผลต่อเนื่องให้ภาคอุตสาหกรรมเติบโตและยกระดับได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางการให้บริการใหม่ของ TGI ที่เรียกว่า “Total Smart Solutions” เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการมากยิ่งขึ้น โดยการนำความต้องการของลูกค้ามาวิเคราะห์หาคำตอบที่เป็นหนทางในการแก้ปัญหาหรือพัฒนา ที่ครอบคลุมความต้องการของผู้ประกอบการทั้งหมด เช่นในหนึ่งปัญหาหรือความต้องการอาจจำเป็นต้องใช้ทั้งเทคโนโลยีการบริหารจัดการ และการพัฒนาบุคลากรไปพร้อมๆ กัน โดยใช้เทคโนโลยีและบุคลากรที่เชี่ยวชาญของ TGI ที่มีอยู่ รวมถึงเครือข่ายที่เข้ามาร่วมกันให้บริการแก่ภาคอุตสาหกรรม ปัจจุบันเครือข่ายความร่วมมือของ TGI มีทั้งภาครัฐ มหาวิทยาลัย สมาคมวิชาชีพ และเอกชนเจ้าของเทคโนโลยีจำนวนมาก

 

 

อีอีซีกับการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมครั้งใหม่

 

 

ผู้อำนวยการสมชาย ให้ทัศนะว่า อีอีซี หรือ Eastern Economic Corridor (EEC) จะขับเคลื่อนให้เกิดอุตสาหกรรม S-Curve ที่รัฐบาลวางไว้ทั้ง 12 อุตสาหกรรม 5 S-curve อุตสาหกรรมดั้งเดิม และ 5  S-curve อุตสาหกรรมใหม่ที่เป็นอุตสาหกรรมอนาคต และได้มีการเพิ่มเข้ามาอีก 2 อุตสาหกรรม คือ อุตสาหกรรมการศึกษา และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ จึงคาดว่าในพื้นที่อีอีซีจะมีการเติบโตของอุตสาหกรรมเกิดขึ้นมากมาย และสิ่งที่ตามคือทำให้เกิดการจ้างแรงงานในภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น ซึ่งต้องการแรงงานมากกว่าแสนคน โดยในโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้มีโครงการพัฒนาบุคลากร ทั้ง Up Skill, Re Skill และ New Skill ซึ่งโครงการดังกล่าวทาง TGI ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาบุคลากรดังกล่าวภายใต้การสนับสนุนของ EEC HDC เช่น โครงการฝึกอบรมชะลอการว่างงานในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีเป้าหมายชะลอการว่างงาน 9,500 คน รวมถึงโครงการอบรมระยะสั้นตามแนวทาง EEC Model Type B ทาง TGI ก็มีส่วนเข้าไปช่วยฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรเหล่านี้ด้วยเช่นกัน

 

 

“ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่มีผลต่อการดำเนินงานและการพัฒนาด้านต่าง ๆ ของโรงงาน  จึงทำให้ TGI ต้องปรับแนวทางการให้บริการให้สอดรับกับการเปลี่ยนสู่ยุค New normal มากขึ้นทั้งเรื่อง Distancing และ Digital ตัวอย่างเช่น การจัดอบรมของ TGI ได้เปลี่ยนมาเป็นการจัดฝึกอบรมในรูปแบบออนไลน์เพิ่มมากขึ้น และเปลี่ยนแนวทางการฝึกอบรมจากรูปแบบ Teaching Factory ให้เป็นลักษณะ Learning Factory มากขึ้นเพื่อให้เหมาะกับการเรียนรู้แบบออนไลน์  โดยยังคงประสิทธิภาพของการเรียนรู้ไว้เช่นเดียวกับการฝึกอบรมรูปแบบปรกติ

 

 

 

 

 

สนับสนุนการพัฒนาบุคลากรและพัฒนาผู้ประกอบการใน EEC ของ TGI

 

 

นอกจากการทำงานสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรใน EEC โดยทำงานร่วมกับ EEC HDC ดังที่กล่าวแล้วนั้นสถาบันไทย-เยอรมัน หรือ TGI ยังมีความพร้อมที่จะสนับสนุนการยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตใน EEC ให้ก้าวไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 ทั้งการช่วยขับเคลื่อนมาตรการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในฐานะที่ TGI เป็นแกนกลางประสานงานเครือข่าย CoRE (Center of Robotic Excellence) ของกระทรวงอุตสาหกรรม และดำเนินโครงการ Smart Factory ของกระทรวงอุตสาหกรรมเช่นกัน รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่นเพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิตของโรงงานด้วยเทคโนโลยี 4,0 ทั้งโครงการ LASI (Lean Automation System Integrator) และโครงการ LIPE (Lean IoT Plant Management Execution) และเนื่องจาก TGI มีศักยภาพเพียงพอทั้งด้านเทคโนโลยีและบุคลากรที่จะสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องมือและชิ้นส่วนทางการแพทย์ และอุตสาหกรรมระบบราง จึงมีนโยบายและมุ่งมั่นที่จะเป็นศูนย์ผลิตต้นแบบสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องมือและชิ้นส่วนทางการแพทย์ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์ นักวิจัย และผู้ประกอบการที่มีแนวคิดจะพัฒนาเครื่องมือแพทย์ด้วยตนเองมีศูนย์ผลิตต้นแบบที่ทำงานร่วมกันตั้งแต่การออกแบบจนได้ต้นแบบออกมาตามกระบวนการต่าง ๆ ของมาตรฐาน ISO 13485 เพื่อให้สามารถขยายผลเชิงธุรกิจต่อไปได้ ส่วนระบบรางก็ตั้งใจจะเป็นศูนย์ทดสอบวัสดุของระบบราง เพราะ TGI ตั้งอยู่ในพื้นที่ EEC การมีศูนย์ทดสอบนี้อยู่ที่ TGI จะช่วยการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางใน EEC ได้เป็นอย่างมาก แต่โครงการนี้ต้องการการสนับสนุนด้านการลงทุนในเครื่องมือวัดและทดสอบจากภาครัฐเพิ่มเติม

 

 

ทั้งหมดที่กล่าวมาคือแนวคิดและนโยบายการดำเนินการ และพัฒนา TGI ต่อไปของ ผู้อำนวยการคนใหม่ของสถาบันไทย-เยอรมัน คุณสมชาย จักร์กรีนทร์

#FOLLOW US ON INSTAGRAM