ออมรอน เปิดตัวศูนย์ระบบอัตโนมัติสิงคโปร์ สำหรับโลจิสติกส์ พร้อมแนวคิดระบบอัตโนมัตินวัตกรรมใหม่

มุ่งเป้าปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันระยะยาวและความยั่งยืนของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ผ่านระบบอัตโนมัติ วิทยาการหุ่นยนต์ และการแปลงเป็นดิจิทัล

 

ออมรอน (OMRON) ผู้นำระดับโลกด้านระบบอัตโนมัติในโรงงาน รวมถึงโซลูชั่นส์อุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) ได้ประกาศเปิดศูนย์ระบบอัตโนมัติ (Automation Center)แห่งแรกที่ให้บริการเฉพาะอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในสิงคโปร์ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และโอเชียเนียศูนย์อัตโนมัติของออมรอนเป็นแห่งที่ 2 ในสิงคโปร์แห่งที่ 6 ในเอเชียแปซิฟิก และแห่งที่ 38 ทั่วโลก

 

ได้รับการตั้งชื่อว่าศูนย์ระบบอัตโนมัติออมรอนประจำประเทศสิงคโปร์ สำหรับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ (OMRON AUTOMATION CENTER SINGAPORE for Logistics) และเป็นหนึ่งในศูนย์พัฒนาโซลูชั่นส์แห่งแรกที่สนับสนุนการนำโครงสร้างของมิดเดิลแวร์ควบคุมการทำงานหุ่นยนต์หรืออาร์เอ็มเอฟ (Robotics Middleware Framework- RMF) มาใช้ในระบบโลจิสติกส์ โดยจะเปิดใช้งานและแสดงการทำงานร่วมกันระหว่างระบบหุ่นยนต์หลายตัว (MRS) ที่ซับซ้อนและต่างกัน ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และเครื่องจักรที่ดีขึ้นและราบรื่น โดยหุ่นยนต์เคลื่อนที่จะใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ตามธรรมชาติหรือที่มีอยู่แล้วภายในคลังสินค้าทำการเคลื่อนย้ายสินค้าโดยอัตโนมัติ (การจัดการ การเคลื่อนย้ายและการจัดเก็บสินค้าในคลังสินค้า) ขณะที่พวกมันทำงานร่วมกับพนักงานที่เป็นมนุษย์ในพื้นที่ผลิต

 

 

นายจุนตะ ทสึจินางะ ประธานบริษัทอินดัสเทรียล ออโตเมชัน (Industrial AutomationCompany) ของออมรอน คอร์เปอเรชัน(OMRON Corporation) แสดงความกระตือรือร้นขณะเปิดศูนย์แห่งนี้ เขากล่าวว่า “การเปิดตัวศูนย์แสดงถึงก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของออมรอนที่ได้บรรลุวิสัยทัศน์ของเราในการ “สร้างคุณค่าให้กับอนาคตของผู้คน อุตสาหกรรม และโลกด้วยนวัตกรรมระบบอัตโนมัติ” โดยการขยายการมีอยู่และการเข้าถึงของศูนย์ระบบอัตโนมัติออมรอนในอุตสาหกรรมเฉพาะกลุ่มที่กำลังเติบโตวิสัยทัศน์ระยะยาวของ เราคือการกำหนดอนาคตปี2573 (Shaping the Future – SF 2030) ได้คำนึงถึงโลกของการผลิตที่มีการเปลี่ยนแปลงสูงมีความหลากหลาย และซับซ้อน ซึ่งนำโดยอุตสาหกรรม 4.0 และการแปลงเป็นดิจิทัลด้วยความรู้และวุฒิภาวะด้านระบบอัตโนมัติที่หลากหลายในภูมิภาคนี้ เราเชื่อว่า ความสามารถพิเศษของเราที่อาศัยความสอดคล้องกันระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร และการทำงานร่วมกันกับองค์กรที่มีแนวคิดเดียวกันจะช่วยให้เกิดวิวัฒนาการของเทคโนโลยี เพื่อตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไปสู่โลจิสติกส์ 4.0 และคลังสินค้าอื่นๆ กลายเป็นระบบอัตโนมัติ”

 

 

ศูนย์แห่งนี้มีเป้าหมายที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรในระบบนิเวศของวิทยาการหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เพื่อเร่งให้เกิดการยอมรับของโลจิสติกส์ 4.0 ในเอเชียแปซิฟิก โดยจัดการกับปัญหาที่ใหญ่ที่สุดบางประการ เช่น การขาดแคลนแรงงาน พื้นที่จำกัด การหยุดชะงักของซัพพลายเชน และความเร่งด่วนในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ยั่งยืน เพื่อรักษาความยืดหยุ่นในขณะที่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้สูงสุดนอกจากนี้ ยังจะช่วยตอบโจทย์ความต้องการระบบคลังสินค้าอัตโนมัติของภูมิภาคที่เพิ่มขึ้นซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นด้วยอัตราการเติบโตต่อปีที่มากกว่า 14% ในอีก 5 ปี ข้างหน้า โดยจะเพิ่มขึ้นสูงขึ้นทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียแปซิฟิก(1)

 

ศูนย์แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ไม่เหมือนใครและมีโซลูชั่นส์มากมายสำหรับระบบโลจิสติกส์ภายในองค์กร เช่น การสาธิตการดำเนินงานของศูนย์รวมสินค้าแบบครบวงจร โดยใช้หุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงานและโซลูชั่นส์หุ่นยนต์เคลื่อนที่แบบกำหนดเอง ใช้ฟีเจอร์การนำทางธรรมชาติ เพื่อดำเนินการเคลื่อนย้ายวัสดุแบบอัตโนมัติ การหยิบของด้วยภาพ 3 มิติและโซลูชั่นส์การจัดวางบนแท่นวาง การทำงานร่วมกันของหุ่นยนต์เคลื่อนที่โดยใช้อาร์เอ็มเอฟห้องฝึกอบรมด้านโลจิสติกส์ รวมถึงการเลือกสรรเทคโนโลยีที่ช่วยให้การดำเนินงานมีความยั่งยืน

 

พร้อมกันกับการเปิดตัวศูนย์ ออมรอนยังได้ริเริ่มความร่วมมือกับกลุ่มอาร์โอเอส-ไอ คอนซอร์เทียม เอเชียแปซิฟิก (ROS-I ConsortiumAsia Pacific) ซึ่งบริหารงานโดยศูนย์เออาร์ทีซี(ARTC(2))ของหน่วยงานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการวิจัย หรือเอ*สตาร์ (A*STAR) เพื่ออำนวยความสะดวกในการบ่มเพาะ พัฒนาความสามารถและการนำไปใช้งาน ที่ใช้ประโยชน์จากโครงสร้างของมิดเดิลแวร์ควบคุมการทำงานหุ่นยนต์ (อาร์เอ็มเอฟ) สำหรับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ความร่วมมือครั้งนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อพัฒนามาตรฐานทั่วไปสำหรับวิทยาการหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติที่สามารถนำไปใช้ได้ทั่วโลกโดยใช้ประโยชน์จากโซลูชั่นส์หุ่นยนต์เคลื่อนที่แบบกำหนดเองของออมรอน และใช้ศูนย์แห่งนี้เป็นสถานที่ทดสอบเพื่อสร้างแบบจำลองอาร์เอ็มเอฟในด้านโลจิสติกส์

 

#FOLLOW US ON INSTAGRAM