โครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของข้าวไทย (ตอนที่ 1)
โครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของข้าวไทย (ตอนที่ 1)
การประยุกต์ใช้โครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของข้าวไทยสู่กลุ่มเกษตรกรใน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดย: ดร. จีรพา บุญญคง หัวหน้ากลุ่มงานวิเคราะห์อินทรีย์เคมี ฝ่ายมาตรวิทยาเคมีและชีวภาพ
ข้าว นอกจากเป็นอาหารหลักและสัมพันธ์กับวิถีชีวิตของคนไทยแล้ว ข้าวยังเป็นผลผลิตทางการเกษตรที่สร้างรายได้ให้ประเทศไทยมานาน แต่เกษตรกรไทยยังประสบปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ไม่สามารถกำหนดราคาได้เอง อีกทั้งมีต้นทุนการผลิตสูงเนื่องจากต้องใช้ปุ๋ยและสารเคมีเป็นจำนวนมาก ซึ่งสารเคมีเหล่านี้ส่งผลให้คุณภาพดินด้อยลง ขณะเดียวกันสภาพดินฟ้าอากาศที่แปรปรวนก็ส่งผลต่อปริมาณผลผลิตที่ได้ แม้จะมีความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐแต่มักเป็นนโยบายที่ขาดเป้าหมายที่ชัดเจนและไม่ต่อเนื่อง ทำให้เกษตรกรไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ เพื่อให้เกษตรกรอยู่รอดจึงควรเน้นให้เกษตรกรเรียนรู้และปรับทัศนคติให้ปลูกข้าวโดยเน้นคุณภาพและความปลอดภัยต่อผู้บริโภคแทนการเน้นที่ปริมาณเพียงอย่างเดียว เริ่มตั้งแต่ต้นทางคือ ใช้เมล็ดพันธุ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานเมล็ดพันธุ์ข้าว เพาะปลูกตามมาตรฐานข้าว GAP หรือข้าวอินทรีย์ สีข้าวโดยโรงสีข้าวที่ได้มาตรฐาน GMP หรือ GHP และการรับรองผลิตภัณฑ์สินค้าข้าวคุณภาพตามมาตรฐานการผลิต ทั้งนี้เพื่อยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์สินค้าข้าวให้มีผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในความปลอดภัยมีและสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน
GAP คืออะไร
การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agriculture Practices: GAP) คือ แนวทางในการทำการเกษตรเพื่อให้ได้ผลผลิตสูง มีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด มีกระบวนการผลิตที่ปลอดภัยต่อทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค ไม่เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมมีการใช้ทรัพยากรให้ประโยชน์สูงสุดคุ้มค่าการลงทุน และเกิดความยั่งยืนทางการเกษตร หลักการนี้ถูกกำหนด โดยองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ประเทศไทยนำมาประยุกต์ใช้เป็นการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืช (Good Agriculture Practices: GAP) ซึ่งเกณฑ์ประกอบด้วยข้อกำหนดเรื่อง แหล่งน้ำพื้นที่ปลูกการใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตร การเก็บรักษาและขนย้ายผลผลิตการบันทึกข้อมูล การผลิตให้ปลอดภัยจากศัตรูพืช การจัดการกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ การเก็บเกี่ยวและการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว
เกษตรกรและผู้บริโภคจะได้อะไรจากระบบมาตรฐาน GAP
การบริโภคข้าวจากแปลงนาที่ได้รับการรับรองตามระบบมาตรฐาน GAP นั้น ผู้บริโภคสามารถเชื่อมั่นได้ว่าข้าวดังกล่าวเป็นข้าวที่มีคุณภาพดีปลอดภัยจากการปนเปื้อนสารเคมี เชื้อโรค และศัตรูพืช สำหรับประโยชน์ต่อเกษตรกรผู้เพาะปลูกข้าวตามระบบมาตรฐาน GAP คือการยกระดับการเพาะปลูกอย่างมีระบบครอบคลุมทั้งวงจรการผลิตเช่น การใช้น้ำจากแหล่งที่ไม่มีการปนเปื้อน การใช้สารป้องกันและกำจัดศัตรูพืชเท่าที่จำเป็นอย่างถูกวิธีมีการจัดการแปลงเพาะปลูกและจัดเก็บผลผลิตอย่างถูกสุขลักษณะ ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพสามารถนำไปต่อยอดได้ทั้งการแปรรูปและส่งออก จึงเป็นที่ต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้นส่วนเกษตรกรที่ปฏิบัติตามระบบ GAP ก็จะมีสุขภาพและรายได้ดีขึ้นมีความมั่นคงและยั่งยืนในอาชีพ นอกจากนี้ผลผลิตข้าวที่เพาะปลูกตามมาตรฐาน GAP จะได้รับตรา Q Mark เพื่อแสดงบนบรรจุภัณฑ์ เช่น ผลผลิตข้าวไรซ์เบอรี่และข้าวหอมชลสิทธิ์จากสวนพึ่งสุขฟาร์มอินทรีย์ ในพื้นที่ ต. คลองสี่ อ. คลองหลวง จ. ปทุมธานี ที่เข้าร่วมโครงการนำร่องการนำแนวคิดโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของข้าวมาประยุกต์ใช้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรี และองค์การบริหารส่วนตำบลคลองสี่
ในตอนต่อไปจะกล่าวถึงบทบาทของสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ (มว.) ในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการพัฒนาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติและมาตรฐานการวัดสาขาต่างๆ ของประเทศ แนวทางที่ มว. ปฏิบัติ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้โครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของข้าวไทย